ในปีที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ คอนเซ็ปต์บิทคอยน์ จึงเริ่มต้นขึ้น ในแนวคิดที่ว่าจะออกจากระบบการเงินเดิมๆที่ไม่มีรัฐบาลและธนาคารเป็นผู้ควบคุม โดยพูดคุยกันในกลุ่ม Cypherpunk ซึ่งกลุ่มนี้จะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องคณิตศาสตร์และศาสตร์แห่งการเข้ารหัส เป็นหลัก และสนทนากันผ่านทางอีเมลเท่านั้น
- 18 สิงหาคม 2008 : Bitcoin.org ได้ถูกก่อตั้งขึ้น โดยบุคคลนิรนามที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto
- 31 สิงหาคม 2008 : เผยแพร่เอกสาร (White paper) ออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System ซึ่งเขียนโดยนาย Satoshi Nakamoto
- ตุลาคม 2008 : Satoshi Nakamoto อธิบายเกี่ยวกับสกุลเงิน Bitcoin และแก้ปัญหาการใช้จ่ายซ้ำซ้อน
- พฤศจิกายน 2008 : Bitcoin ได้รับการลงทะเบียนบน SourceForge.net
- 3 มกราคม 2009 : เครือข่ายเน็ตเวิร์คของบิทคอยน์ถูกตั้งขึ้นครั้งแรก โดยเริ่มนับ Block ที่ 0 และกำหนดที่ 50 BTC เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะไม่มี previous block หรือ block ก่อนหน้านี้
- 9 มกราคม 2009 : เปิด Open Source เพื่อทดสอบ Version 0.1 และให้บุคคลทั่วไปเข้าถึง โดยมี Hal Finney ซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์ ผู้สนับสนุนคนแรก โดยเขาได้ทำการ ดาวน์โหลด Software มาทดสอบ ตั้งแต่วันที่ Software ถูกเผยแพร่
- 12 มกราคม 2009 : Satoshi Nakamoto ได้ทำการโอนบิทคอยน์ จำนวน 10 BTC ให้กับ Hal Finney จึงนับเป็น Transaction แรกของบิทคอยน์
- ตุลาคม 2009 : มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง Bitcoin กับสกุลเงินอื่น
- ธันวาคม 2009 : อัพเดทระบบเป็น Version 0.2 เพิ่มความยากและซับซ้อนมากขึ้น
- 22 พฤษภาคม 2010 : มีการใช้บิทคอยน์ซื้อสินค้าเป็นครั้งแรก โดย Laszlo ได้ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 BTC แลกกับฟิชซ่า 2 ถาด เมื่อเทียบมูลค่าปัจจุบันแล้ว(ปี 2021) 10,000 BTC จะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นการซื้อและขายพิซซ่าที่แพงที่สุดในโลกเลยทีเดียวและนับเป็น Transaction แรกที่ใช้บิทคอยน์ซื้อสินค้า
- กรกฎาคม 2010: ปล่อย Version 0.3 และเปิดตัวเว็บไซต์ Mt.Gox: ก่อตั้งโดย Jed McCaleb ซึ่งเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนในตลาดมากกว่า 10% ในขณะนั้น ซึ่งในห้าวันราคาเพิ่มขึ้น 1,000% โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.008 ดอลลาร์เป็น 0.08 ดอลลาร์สำหรับ 1 บิตคอยน์
- สิงหาคม 2010: Exploit สร้าง 184 พันล้าน Bitcoins
- ตุลาคม 2010: OpenCL Miner เวอร์ชันสาธารณะรุ่นแรก ได้รับการเผยแพร่
- พฤศจิกายน 2010: มูลค่าตลาดของ Bitcoin พุ่งสูงเกินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ธันวาคม 2010: มีการทำธุรกรรม Bitcoin บนมือถือเป็นครั้งแรก
- มกราคม 2011 : บิทคอยน์เปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ในเอเซียตะวันออกและเอเซียตะวันตกด้วย 25% ของเหรียญทั้งหมด
- กุมภาพันธ์ 2011 : 1 BTC เท่ากับ 1 USD เป็นครั้งแรกที่บิทคอยน์ มีมูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐ และเว็บไซต์ WeUseCoins ถูกสร้างขึ้น
- มีนาคม 2011 : ฺBitcoin เปิดใช้งานในประเทศบราซิล
- เมษายน 2011 : 1 BTC เท่ากับ 1 EUR Bitcoin มีมูลค่าเท่าเงินยูโร (EUR) เป็นครั้งแรก
- มิถุนายน 2011 :เว็บไซต์ Mt.Gox โดนแฮก : สันนิฐานว่าเครื่องที่ทำบัญชีของบริษัทถูกแฮกข้อมูล โดยแฮกเกอร์รายนี้ได้บิทคอยน์ไปประมาณ 2,650 BTC โดย 2,000 BTC เป็นของลูกค้าและ 650B BTC เป็นของ Mt.Gox ที่ซื้อเก็บไว้
- สิงหาคม 2011 : มีการประชุม Bitcoin และ World Expo ที่นิวยอร์กซิตีและเกิด P2Pool การทำเหมืองบล็อกแรก
- พฤศจิกายน 2011 : Bitcoin and Future Technology European Conference ในกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก
- ธันวาคม 2011 : ราคา Bitcoin อยู่ที่ 2 ดอลล่าร์สหรัฐ (1 BTC เท่ากับ 2 USD)
[ เพิ่มเติม ]
เริ่มมีเหรียญสกุลเงินอื่น เพิ่มมากขึ้นและเว็บไซต์ต่างๆเริ่มรับบิทคอยน์เป็นอีกช่องทางในการรับชำระหรือรับบริจาค เช่น Wikileaks เป็นต้น
- พฤศจิกายน 2012 : จัดงานประชุม Bitcoin ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษและจัดตั้งมูลนิธิ Bitcoin ขึ้นเป็นครั้งแรก
- ธันวาคม 2012 : ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และปิดที่ 1 BTC เท่ากับ 13 USD
[ เพิ่มเติม ]
Block หมายเลขที่ 181919 มีการทำธุรกรรม 1,322 ครั้ง นับเป็น Block ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009
Cold Wallet (กระเป๋าเงินเย็น) บนเว็บไซต์ coinbase เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับใช้เก็บบิทคอยน์แบบออฟไลน์หรือแบบที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
- กุมภาพันธ์ 2013 : ปล่อย Version 0.8 และราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเป็น 30 ดอลล่าร์ (1 BTC เท่ากับ 30 USD)
- มีนาคม 2013 : ราคาบิตคอยน์เพิ่มอย่างรวดเร็วพุ่งสูงถึง 74.90 ดอลล่าร์ (1 BTC เท่ากับ 74.90 USD) และมูลค่าตลาดบิทคอยน์สูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- เมษายน 2013 : ราคาบิตคอยน์เพิ่มอย่างต่อเนื่องทะลุ 100 ดอลล่าร์เป็นครั้งแรกและทำราคาสูงสุดอยู่ที่ 266 ดอลล่าร์ (1 BTC เท่ากับ 266 USD)
- พฤษภาคม 2013 : เปิดตัว ATM Bitcoin เป็นครั้งแรก และถอนเงินบิทคอยน์ผ่านตู้ ATM ได้เป็นครั้งแรก ที่เมืองซานดิเอโก
- ตุลาคม 2013 : FBI สั่งให้ Bitcoin ปิดบริการในเอเซีย ทำให้ราคา Bitcoin ลดลงจาก 139 ดอลลาร์ เหลือ 109.71 ดอลลาร์ ในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง
- พฤศจิกายน 2013 : ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นทำลายสถิติใหม่เกิน 1,000 ดอลล่าร์เป็นครั้งแรก สูงสุดที่ 1,243 ดอลล่าร์ (1 BTC เท่ากับ 1,243 USD)
- ธันวาคม 2013 : ราคาบิทคอยน์มีความผันผวนสูงในช่วง 500-1,000 ดอลล่าร์ จนธนาคารกลางของจีนห้ามการทำผ่านธุรกรรม Bitcoin และมาทรงตัวปิดอยู่ที่ 500USD (1 BTC เท่ากับ 500 USD) และระดับการทำงานของเครือข่ายที่ 10 Petahash / วินาที
[ เพิ่มเติม ]
เว็บไซต์ coinbase ได้รับการลงทุนโดน Fred Wilson ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนใน Union Square Ventures ถึง 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
รัฐนิวยอร์กประกาศ ให้บริษัทที่ทำธุระกิจเกี่ยวกับ บิทคอยน์ ให้มาลงทะเบียนขอ BitLicense ให้ถูกต้องและมีทั้งหมด 22 บริษัทได้มาลงทะเบียน
- มกราคม 2014 : ราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นไปที่ 1,000 ดอลล่าร์อีกครั้งและตกลงมาอยู่ในช่วง 800–900 ดอลล่าร์
- มีนาคม 2014 : ปล่อย Version 0.9
- มิถุนายน 2014 : ระดับการทำงานของเครือข่ายเกิน 100 Petahash / วินาที
- ธันวาคม 2014 : บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft รับ bitcoin ซื้อเกม Xbox และแอพ Windows ได้
[ เพิ่มเติม ]
Mt.Gox โดนแฮกอีกครั้ง ระบุว่าเกิดจากปัญหา “transaction malleability” โดยแฮกเกอร์เปลี่ยนข้อความส่วน TXID (transaction ID) ในเอกสารผู้รับโอน ทำให้บริษัทรับแลกเงินเข้าใจผิดคิดว่ารายการโอนเงินที่โอนออกไปนั้นไม่สำเร็จและพยายามโอนซ้ำอีกครั้ง แต่เงินที่แท้จริงนั้นถูกโอนออกไปแล้ว
Mark Karpeles ผู้บริหาร Mt.Gox ยื่นเอกสารต่อศาลในโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเพื่อขอล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์
Paypal (ธนาคารออนไลน์) ประกาศรับชำระเงินผ่านโดยใช้เหรียญ BTC (บิทคอยน์)ได้
- มีนาคม 2015 : ปล่อย Version 0.10
- กรกฎาคม 2015 : ปล่อย Version 0.11
- ธันวาคม 2015 : ราคาบิตคอยน์ปิดที่ 504 ดอลล่าร์ (1 BTC เท่ากับ 504 USD)
[ เพิ่มเติม ]
บิทคอยน์ใช้ชำระสินค้าได้อย่างกว้างขวาง คาดว่ามีร้านค้ามากกว่า 160,000 ร้าน ยอมรับการชำระสินค้าผ่านบิทคอยน์
- มกราคม 2016 : ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นจากปลายปีมายืนที่ 1,150 ดอลล่าร์ และค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 30% มาทรงตัวอยู่ที่ (1 BTC เท่ากับ 750 USD) และระดับการทำงานของเครือข่ายเพิ่มขึ้นที่ 10 Exahash / วินาที
- กุมภาพันธ์ 2016 : ปล่อย Version 0.12
- เมษายน 2016 : Steam เริ่มรับ bitcoin เป็นการชำระเงิน
- สิงหาคม 2016 : ปล่อย Version 0.13
- กันยายน 2016 : มีตู้เอทีเอ็มถอนเงินบิทคอยน์ (ATM Bitcoin) 770 ตู้ทั่วโลก
[ เพิ่มเติม ]
คณะรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นยอมรับ บิทคอยน์ ว่าสามารถใช้ชำระสินค้าได้เหมือนกันกับการใช้เงินจริง
เว็บไซต์ Bitfinex ถูกแฮก ซึ่งเป็นเว็บแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ รายใหญ่สูญเสียเหรียญไปจำนวนกว่า 110,000 BTC
- มีนาคม 2017 : ราคา ฺBitcoin มีมูลค่าสูงกว่าราคาสปอตของทองคำเป็นครั้งแรกและปล่อย Version 0.14
- เมษายน 2017 : ญี่ปุ่นประกาศให้ Bitcoin เป็นตั๋วเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย(Legel Tender)
- สิงหาคม 2017 : Bitcoin (BTC) และ Bitcoin Cash (BCH) แยกออกจากกันและเป็นคนละสกุลเงิน
- พฤศจิกายน 2017 : ราคา Bitcoin แตะที่ 10,000 ดอลล่าร์เป็นครั้งแรก(1 BTC เท่ากับ 10,000 USD)
[ เพิ่มเติม ]
เหตุการณ์มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ที่ชื่อว่า WannaCry ระบาดหนักส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ บนระบบ Windows ทั่วโลก โดยแฮกเกอร์ได้ยื่นเงื่อนไขให้จ่ายเงินมูลค่า $300 (ประมาณ 1 หมื่นบาท) ในสกุล บิทคอยน์ ไปยังเลขบัญชีที่ระบุ เพื่อแลกกับโปรแกรมถอดรหัส
เกิดเหรียญสกุลใหม่ที่ Block 478558 ภายใต้ชื่อ Bitcoin Cash (BCH) โดยอ้างว่า Bitcoin Cash จะมาเป็นเงินสกุลหลักแทนบิทคอยน์
รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ ประกาศให้คนที่ซื้อขายบิทคอยน์บน Exchange จะต้องเปิดเผยข้อมูลหรือ ยืนยันตัวตน(KYC) ก่อน
ประเทศไทย ประกาศเก็บภาษีเงินดิจิตอล คริปโต โทเคน 15% ของกำไร
ราคา Bitcoin เริ่มฟื้นตัว โดยสิ้นปี 2019 ปิดที่ประมาณ 7,250 ดอลลาร์สหรัฐ
- ตุลาคม 2020 : ราคาบิทคอยน์ค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นไปที่ 14,500 ดอลล่าร์
- พฤศจิกายน 2020 : ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นแตะที่ 20,000 ดอลล่าร์
- ธันวาคม 2020 : ราคาบิทคอยน์ยังปรับขึ้นแล้วทรงตัวอยู่ที่ 29,000 ดอลล่าร์
[ เพิ่มเติม ]
Bitcoin ถูกยอมรับในระดับสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ผู้บริหารทางการเงิน บริษัทประกันภัยและบริษัทต่างๆ ทำให้สกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว
- มกราคม 2021 : ราคาบิทคอยน์ทะยานผ่าน 30,000 ดอลล่าร์แล้วทำสถิใหม่ผ่าน 40,000 ดอลล่าร์ เป็นครั้งแรก
- กุมภาพันธ์ 2021 : Bitcoin มูลค่าทะลุ 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เป็นครั้งแรก ปิดที่ 58,537.69 ดอลล่าร์ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งได้ไต่ระดับราคาจาก 40,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ไปได้เพียงเดือนเดียวกันเท่านั้น คาดว่าเกิดจากกระแสอิลอน มัสก์ CEO บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ประกาศซื้อบิตคอยน์ด้วยเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท) และยอมรับชำระเงินผ่านบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิตอลในการซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีกด้วย
- มีนาคม 2021 : ราคาบิทคอยน์ทำลายสถิติสูงสุดที่ 60,000 ดอลล่าร์เป็นครั้งแรก (1 BTC / 61,124.57 USD) ในวันที่ 13 มีนาคม 2021
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น